6 โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ สำหรับมือใหม่ ใช้งานง่าย มีเว็บไซต์ใช้เองได้ 2023

โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์

แต่ก่อนการเริ่มทำเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องเรียนเขียนโค้ดกว่าจะเป็น กว่าจะสร้างได้หนึ่งเว็บ มีความยุ่งยากมากมาย ในปัจจุบันก็มีบริษัทหลายเจ้าที่เค้าพัฒนา โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ หรือแพลทฟอร์มที่ช่วยให้เราใช้งาน สร้างและออกแบบเว็บได้ง่ายขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการโค้ดเลยสักบรรทัดเดียว ซึ่งหลายๆ เจ้าก็จะมีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน มีราคาให้เลือกหลากหลายแพคเกจตามความต้องการของลูกค้า ไปดูกันต่อเลยค่ะ

 

เรามี 6 โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ มาแนะนำค่ะ

1. WordPresss

โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ WordPress

เจ้าเก่าเจ้าเดิม ให้บริการมาหลายปี ไม่มีใครไม่รู้จัก เป็นที่นิยมยอดฮิตในหมู่คนใช้งานทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มเปิด ที่ทำให้มีนักพัฒนา Theme และปลั๊กอิน มากมายมาช่วยสร้างฟังก์ชั่นต่างๆ ให้กับเว็บได้แบบไม่จำกัด รองรับการทำ SEO และอีกหลายอย่างค่ะ แต่ด้วยความที่มันเป็นแพลตฟอร์มเปิด ผู้ใช้งานก็เลยต้องเลือกเช่าโฮสต์ จดโดเมนเอง ซื้อ Theme มาตรฐานที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการเอง ถ้าเราเลือกใช้แบบฟรีนะคะ ส่วนแบบเสียเงินก็มีหลายแพคเกจไปดูกันได้ค่ะ

ปลาใช้ตัวนี้เป็นหลักในการทำงานเลยค่ะ เพราะลูกค้ามีความต้องการหลากหลาย เราก็เลยต้องเลือกตัวที่มันยืดหยุ่นกับงานของเรา

ดูขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ทีละขั้นตอนที่นี่ค่ะ

ปลาใช้คู่กับ Theme Flatsome 

ข้อดี

  • รองรับการทำ SEO ได้ดีมาก
  • แบ็คอัพข้อมูลได้ง่าย
  • เพิ่มข้อมูลเองง่าย
  • รองรับการทำตะกร้าสินค้า จ่ายเงินออนไลน์
  • มีกรุ๊ปคนไทย สอบถามได้ถ้าติดปัญหา

ข้อเสีย

  • คนใช้ต้องมีพื้นฐาน
  • ต้องดูแลหลังบ้านเอง
  • มีการอัพเดทปลั๊กอิน Theme และเวอร์ชั่น WordPress
  • ทำไม่เป็น ไม่รู้ขั้นตอน เสี่ยงเว็บพังได้

เหมาะสำหรับ : คนระดับปานกลาง มีสกิลรู้การใช้งานบ้าง จนถึงระดับแอดวานซ์

ราคา : ฟรี (เสียค่า Theme กับ Plugin ราคา 1,500-2,000 บาท แต่ใช้ได้ตลอด ไม่ต้องจ่ายรายปี)

แบบเสียเงินรายเดือน แพคเกจที่ครอบคลุมราคาเริ่มต้นที่ 279 บาท

 

2. Squarespace

Squarespace ออกแบบเว็บไซต์

ใช้งานง่ายกว่า WordPress ตัวเทมเพลทดูสวยงาม เรียบหรู การใช้งานต้องรู้หลักการใช้นิดนึง ต้องหาที่ปรับแต่งส่วนต่างๆ ให้เจอว่าต้องไปที่ตรงไหน พอรู้แล้วก็ไม่ยาก

ข้อดี

  • เหมาะกับเว็บสำหรับดีไซน์เนอร์ ศิลปิน ช่างภาพ เอาไว้โชว์พอร์ทโฟลิโอเก๋ๆ
  • มีเทมเพลทสวยๆ ให้เลือกเยอะ
  • ใช้งานไม่ยาก

ข้อเสีย

  • ขั้นตอนเซ็ทอัพช่วงแรก เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
  • ไม่เหมาะกับเว็บที่มีหน้ามากกว่า 30 หน้า
  • ไม่เหมาะกับงานเว็บซับซ้อน
  • ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย

เหมาะสำหรับ : มือใหม่ ดีไซน์เนอร์ มือโปรที่อยากทำเทมเพลทขาย

ราคา : ใช้ฟรี 15 วัน หลังจากนั้นเสียเงินรายเดือน ราคาเริ่มที่ $16 หรือประมาณ 512 บาท

 

3. Wix

Wix โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์

เป็นอีกแพลตฟอร์มที่นิยมในหมู่คนไทย วิธีใช้งานออกแบบเว็บก็เป็นแบบ Drag and Drop แค่ลากๆ วาง ใช้งานง่ายมากๆ เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร แนวเดียวกับ Squarespace เป็นแบบบริการครบวงจร มีคนดูและระบบหลักให้ แต่เป็นระบบปิด นักพัฒนาไม่สามารถสร้างปลั๊กอินหรือทำอะไรเพิ่มกับตัวแพลทฟอร์มได้

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย
  • มีเทมเพลทสวยๆให้เลือก
  • ไม่ต้องดูแลระบบหลังบ้านเยอะ

ข้อเสีย

  • ไม่รองรับการทำ SEO
  • ถ้าอยากเปลี่ยนหน้าตา ต้องเริ่มทำงานใหม่หมด
  • เพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานนอกเหนือจากที่มีไม่ได้
  • ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย

เหมาะสำหรับ : มือใหม่ เว็บง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

ราคา : เวอร์ชั่นฟรี จะมีโฆษณาของ Wix ขึ้น และมีชื่อโดเมน Wix อยู่ด้วย

แบบเสียเงินเป็นรายเดือน ราคาที่ครอบคลุมการใช้พื้นฐานอยู่ที่ $12.5 หรือประมาณ 400 บาท

 

4. Weebly

เป็นอีกแพลตฟอร์มที่อยู่มานานมาก ส่วนใหญ่จะเน้นใช้เป็นเว็บขายของออนไลน์ ทำธุรกิจ สามารถจดโดเมนและใช้โฮสต์ที่ตัวของ Weebly ได้เลย สามารถปรับแต่งได้ตามใจ หรือจะใช้เทมเพลทที่เค้ามีให้ก็ได้เช่นกัน

ข้อดี

  • เป็นแบบ Responsive รองรับการแสดงผลทุกหน้าจอ
  • รองรับการทำ SEO
  • ไม่ต้องดูแลเรื่องงานหลังบ้านเอง

ข้อเสีย

  • ต้องปรับแต่งเว็บไซต์เอง
  • ปรับแต่งค่อนข้างยากกว้าเจ้าอื่นๆ ต้องมีพื้นฐานการโค้ดบ้างถึงจะช่วยได้
  • ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย

เหมาะสำหรับ : คนที่มีพื้นฐานการใช้ html

ราคา : แพคเกจที่ครอบคลุมการใช้งานเริ่มต้นที่ $12 ต่อเดือน หรือประมาณ 384 บาท

 

5. Webflow

โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์

แพลตฟอร์มน้องใหม่มาแรง สำหรับการทำ Web Design หรือการออกแบบเว็บ เหมาะกับเว็บดีไซน์เนอร์มากๆ เพราะช่วยประหยัดเวลาในการส่งแบบไปให้ Dev ทำการโค้ด มีรายละเอียดการทำงานที่ค่อนข้างดี ส่วนมือใหม่ที่ไม่เคยทำงานเว็บเลย ก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้ไม่ยาก ในอนาคตปลาว่าจะศึกษาการใช้งานแพลตฟอร์มนี้เพิ่มดูเหมือนกันค่ะ

ตัวอย่างการใช้งาน Webflow

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย
  • งานละเอียดเหมือนการจ้างทำเว็บแพงๆ
  • ออกแบบได้ทุกบนหน้าจอ

ข้อเสีย

  • รายละเอียดเยอะ
  • ต้องรู้ข้อมูลการวางโครงสร้างเว็บประมาณนึง
  • แพลตฟอร์มค่อนข้างใหม่ คนใช้งานและช่วยตอบคำตอบอาจมีไม่เยอะ
  • ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย

เหมาะสำหรับ : นักออกแบบ, ทีมทำเว็บ คนทำเว็บระดับแอดวานซ์ที่ต้องการรายละเอียดที่ไม่ซ้ำคนอื่น

ราคา : ฟรี ทำเว็บได้จนเสร็จ แต่ถ้าอยากให้มัน Live หรือโชว์ออนไลน์ต้องเสียเงิน ราคาเริ่มต้นที่ $12 ต่อเดือน หรือประมาณ 384 บาท

 

6. Showit

เป็นอีกแพลตฟอร์มทำเว็บที่น่าสนใจเช่นกัน วิธีการใช้งานเป็นแบบ Drag and Drop เหมือน Wix แก้งานที่หน้า Front End ได้เลย พอทำเสร็จก็กดพรีวิวดูได้เลย ตัวนี้จะเป็นระบบปิดเช่นกัน จึงมีข้อจำกัดเรื่องการเพิ่มฟังก์ชั่นที่ซับซ้อน

ข้อดี

  • ปรับแต่งง่าย ถ้าใครใช้งานโปรมแกรม
  • ไม่ต้องดูแลระบบหลังบ้านเยอะ
  • มีเทมเพลทหลากหลายให้เลือก

ข้อเสีย

  • ราคาเริ่มต้นแพงกว่าที่อื่นๆ
  • ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย
  • ถ้าอยากให้มีส่วนของ Blog ด้วยต้องจ่ายแพงขึ้น

เหมาะสำหรับ : มือใหม่ ไม่ต้องการเว็บซับซ้อน เน้นเป็นเว็บเพื่อแบรนด์ดิ้งเท่านั้น

ราคา : ให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน หลังจากนั้นคิดเงิน ราคาเริ่มต้นที่ $19 ต่อเดือน หรือประมาณ 608 บาท

 

สรุป

การใช้งานออกแบบเว็บกับแต่ละ โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มนั้น ต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป การเริ่มต้นใช้งานในแต่ละที่ก็ค่อนข้างใช้เวลาเช่นกัน เราควรเริ่มพิจารณาจากการใช้งานของเราก่อน จากนั้นก็ไปเลือกใช้งานตามความชอบ และแพคเกจราคาที่เหมาะกับเรา ส่วนที่ปลาอยากจะแนะนำนั้น ถ้าใช้ WordPress จะต่อยอดไปใช้งานได้หลากหลายมากที่สุด ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้และมีประโยชน์ในระยะยาว แต่ถ้าเราเน้นประหยัดงบ อยากโชว์แค่ผลงาน เนื้องานเว็บไม่ซับซ้อนมากอาจจะเลือกใช้ Wix แบบฟรีไปก่อนก็ได้ค่ะ

 

ไม่อยากปวดหัวทำเอง เรามีบริการออกแบบเว็บไซต์โดยนักออกแบบมืออาชีพ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ