ChatGPT คืออะไร นำไปใช้ประโยชน์ในด้านไหนได้บ้าง พร้อมวิธีใช้งาน

ChatGPT คืออะไร

ChatGPT คืออะไร ChatGPT คือ แช็ทบอทที่สามารถพูดคุย โต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และยังตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ดีกว่าแช็ทบอทตัวอื่นๆ ที่มีในท้องตลาด ซึ่ง ChatGPT ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท OpenAI มีผู้ร่วมก่อตั้งด้วยกันหลายคน ตัวอย่างเช่น Sam Altman ประธาน Y Combinator , Elon Musk และล่าสุดก็มี Microsoft เข้ามาร่วมลงทุนด้วย

แล้ว ChatGPT เกี่ยวข้องกับการทำเว็บไซต์ยังไง ChatGPT เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมาก สามารถช่วยในการสร้างบทความ แนะนำขั้นตอนการทำงาน ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ช่วยแนะนำเทรนด์ในการออกแบบเว็บไซต์ และอีกมากมาย ซึ่งการนำ ChatGPT ไปใช้ให้เกิดประโยชน์จะทำได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน

Plaradise รับทำเว็บไซต์โดยนักออกแบบมืออาชีพ

ChatGPT คืออะไร

ChatGPT (Chat Generative Pre-trained Transformer) คือ โมเดลภาษาปฏิบัติการขนาดใหญ่ (large language model) ที่ถูกสร้างและพัฒนาโดยบริษัท OpenAI เพื่อให้สามารถทำงานเป็น Chatbot ที่สามารถพูดคุย โต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ โดย ChatGPT ถูกสร้างจากการเทรนโมเดลที่มีขนาดใหญ่มากๆ โดยใช้ข้อมูลจำนวนมากเช่น บทความ หนังสือ เว็บไซต์ เพื่อเรียนรู้คำศัพท์ และลักษณะการใช้ภาษาของภาษาอังกฤษ ทำให้ ChatGPT สามารถตอบคำถาม สอบถามข้อมูล หรือสนทนาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและความถูกต้องสูงสุดที่เป็นไปได้

นอกจากนี้เจ้าแช็ทบอทตัวนี้ยังถูกพัฒนาโดยเน้นในเรื่องของจริยธรรม เป็นมิตรกับมนุษย์ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน โดยจะไม่เป็นภัยคุกคามกับมวลมนุษยชาติในอนาคตตามที่คาดการณ์กันเอาไว้

ChatGPT คืออะไร

ChatGPT ใช้งานอย่างไร

การใช้งาน ChatGPT สามารถทำได้ผ่านหน้าเว็บไซต์ https://chat.openai.com/ โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าสนทนากับ ChatGPT ได้เช่นเดียวกับการสนทนากับบุคคลปกติ ChatGPT จะตอบคำถามหรือแสดงคำตอบเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้ใช้งานสอบถามในขณะนั้น ซึ่ง ChatGPT สามารถเรียนรู้และปรับปรุงการตอบกลับของตัวเองได้จากประสบการณ์การสนทนากับผู้ใช้งานจริงๆ ที่เกิดขึ้นในการใช้งานจริง

ขั้นตอนการใช้งาน ChatGPT

การใช้งาน ChatGPT มีขั้นตอนพื้นฐานดังนี้

  1. ไปที่เว็บ https://chat.openai.com/
  2. ทำการ Sign up ให้เรียบร้อย
  3. Chatgpt login ลงทะเบียนเข้าใช้งานที่นี่
  4. พิมพ์คำถามที่เราต้องการลงไป สามารถใช้งานได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  5. จากนั้นเราจะได้คำตอบออกมา

ChatGPT ใช้งานด้านไหนได้บ้าง

  1. การตอบคำถามทางการศึกษา: ChatGPT สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับสาระความรู้ทางการศึกษาได้ เช่น การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ
  2. การให้บริการข้อมูล: ChatGPT สามารถให้ข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรืออื่นๆ
  3. การให้บริการในด้านธุรกิจ: ChatGPT สามารถให้บริการในด้านธุรกิจได้ เช่น ตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของกิจการ
  4. การให้บริการด้านการแพทย์: ChatGPT สามารถให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพได้ เช่น การดูแลร่างกาย โรคต่างๆ ฯลฯ
  5. การให้บริการด้านการเงิน: ChatGPT สามารถให้บริการในด้านการเงินได้ เช่น การตอบคำถามเกี่ยวกับบัตรเครดิต การลงทุน หรืออื่นๆ

โดยสรุปแล้ว ChatGPT สามารถให้บริการในหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับการตอบคำถามหรือการสนทนากับผู้ใช้งานในทุกๆ แวดวงของชีวิตประจำวันได้

ความสามารถที่น่าสนใจของ ChatGPT

ChatGPT สามารถใช้งานได้หลากหลายดังนี้

1.สร้างบทความ

ChatGPT สามารถใช้สร้างบทความได้โดยใช้เทคนิคของการเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งสามารถสร้างเนื้อหาที่มีความสมเหตุสมผลและเป็นมิตรกับผู้อ่านได้อย่างต่อเนื่อง

2.ตอบคำถาม

ChatGPT สามารถใช้สร้างระบบตอบคำถามอัตโนมัติที่สามารถตอบคำถามจากผู้ใช้งานได้โดยอัตโนมัติ โดยอาจใช้ในการตอบคำถามที่มีการสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ และเป็นการลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ภายในองค์กร

3.สนทนา

ChatGPT สามารถใช้ในการสนทนากับผู้ใช้งานโดยไม่ต้องมีมนุษย์มากักตัว เช่น การสนทนากับลูกค้าเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ หรือใช้ในการสนทนากับลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน

4.แปลภาษา

ChatGPT สามารถใช้ในการแปลภาษาอัตโนมัติ ทำให้สามารถแปลภาษาต่างๆได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำ

5.วิเคราะห์ข้อมูล

ChatGPT สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีปริมาณมาก เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้งาน

>> อ่านบทความ วิธีสร้างเว็บไซต์ WordPress ด้วยตัวเองที่นี่

ประโยชน์ของ ChatGPT มีอะไรบ้าง

ChatGPT มีประโยชน์อย่างมากมาย ดังนี้

  • ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การใช้ ChatGPT สามารถช่วยลดเวลาในการตอบคำถามหรือการสนทนากับลูกค้า ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการจัดทำคำตอบหรือการติดต่อกับลูกค้าที่ไม่จำเป็น
  • การตอบคำถามที่ถูกต้อง: ChatGPT สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานได้ เนื่องจาก ChatGPT ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลของผู้ใช้งานมากมาย และสามารถเรียนรู้และปรับปรุงความสามารถของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
  • สามารถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง: ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อหรือใช้บริการได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอการตอบกลับจากบุคคลเจ้าหน้าที่
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ChatGPT สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคคลและยังลดภาระงานลงไปได้ด้วย
  • ช่วยให้บริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพสูง: ChatGPT สามารถให้บริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพสูง โดยไม่ต้องใช้งานบุคคล

ตัวอย่างการใช้งาน ChatGPT ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่

ตัวอย่างการใช้งาน ChatGPT

บริษัทระดับโลกที่นำ ChatGPT ไปใช้งาน

ChatGPT เป็นโมเดลที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างและพัฒนา AI และเทคโนโลยีเชิงลึก (deep learning) อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีบริษัทและองค์กรอื่น ๆ ที่ใช้ ChatGPT ในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบริษัทที่เป็นที่รู้จักที่ใช้ ChatGPT

  • Facebook – ใช้ ChatGPT เพื่อพัฒนา Messenger ที่มีการตอบกลับแบบธรรมชาติให้กับผู้ใช้งาน
  • Google – ใช้งาน ChatGPT ในการพัฒนา Google Assistant และ Search Engine
  • OpenAI – พัฒนา ChatGPT เองและให้บริการให้ผู้ใช้งานทั่วไปใช้งานผ่านเว็บไซต์ของพวกเขา
  • Microsoft – ใช้ ChatGPT ในการพัฒนา Cortana และโปรแกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Natural Language Processing
  • Uber – ใช้ ChatGPT เพื่อพัฒนาแชทบอท (chatbot) ที่สามารถตอบคำถามและให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Amazon – ใช้ ChatGPT ในการพัฒนา Alexa และโปรแกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Natural Language Processing
  • IBM – ใช้ ChatGPT ในการพัฒนา Watson และโปรแกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Natural Language Processing

ซึ่งนี่เป็นแค่ตัวอย่างของบริษัทที่ใช้ ChatGPT ในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ กับบริษัทของตัวเอง

จุดเด่นของ ChatGPT

ChatGPT มีจุดเด่นหลายอย่าง ดังนี้

  1. ความสามารถในการเรียนรู้และปรับปรุงตนเอง: ChatGPT สามารถใช้ข้อมูลและประสบการณ์การสนทนากับผู้ใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องในการให้คำตอบ
  2. ความสามารถในการเข้าใจภาษาธรรมชาติ:  ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอื่น ๆ ทำให้การสื่อสารกับผู้ใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย
  3. ความสามารถในการเข้าใจความหมายที่ซับซ้อน: ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่มีหลายความหมายหรือคำถามที่มีหลายองค์ประกอบ
  4. ความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว: ChatGPT สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถจดจำคำถามและคำตอบที่ได้รับได้อย่างถูกต้อง ทำให้การให้บริการเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  5. ความสามารถในการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง: ChatGPT สามารถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้งานมีความสะดวกสบายมากขึ้น

จุดเด่น ChatGPT

จุดด้อยของ ChatGPT

แม้ว่า ChatGPT จะมีความสามารถในการตอบคำถามและสนทนากับผู้ใช้งานได้อย่างเหมือนมนุษย์ แต่ก็ยังมีข้อเสียบางอย่างดังนี้

  1. อาจมีคำตอบที่ไม่ถูกต้อง: หรือไม่เหมาะสมกับคำถามของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในกรณีที่มีข้อมูลหรือข้อสันนิษฐานที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ถูกต้อง
  2. ความเสียหายจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว: ChatGPT อาจมีความเสี่ยงที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือข้อมูลที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ใช้งานให้ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับตนเอง
  3. การเลือกใช้ภาษาและสไตล์การสนทนา: ChatGPT อาจใช้ภาษาและสไตล์การสนทนาที่ไม่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการสื่อสารหรือการให้บริการ
  4. ความจำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: ChatGPT จำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อให้บริการ ซึ่งอาจมีปัญหาในกรณีที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเนื้อหาที่ต้องการตอบไม่สามารถเข้าถึงได้
  5. การรับรู้ความคิดเห็น: ChatGPT ไม่สามารถรับรู้ความคิดเห็นของผู้ใช้งานเช่นเดียวกับมนุษย์ ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถตอบคำถามหรือให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ

ChatGPT ต่างจาก Google อย่างไร

ChatGPT และ Google มีความแตกต่างกันดังนี้

  1. รูปแบบการเรียนรู้: ChatGPT ใช้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) โดยการสร้างโมเดลการเรียนรู้เชิงลึกแบบ Transformer ขึ้นมา เป็นการเรียนรู้จากข้อมูลแบบไม่มีผู้สอน (Unsupervised Learning) ส่วน Google ใช้วิธีการเรียนรู้เชิงลึกแบบ Convolutional Neural Networks (CNN) และ Recurrent Neural Networks (RNN) โดยมีการเรียนรู้ที่ใช้ผู้สอน (Supervised Learning)
  2. ขนาด: ChatGPT มีขนาดที่ใหญ่กว่า Google โดยมีจำนวนพารามิเตอร์มากกว่า 175 ล้าน ส่วน Google มีจำนวนพารามิเตอร์ประมาณ 100 ล้าน
  3. การประมวลผล: ChatGPT ใช้เทคโนโลยี Cloud Computing เพื่อประมวลผล ส่วน Google มีเครื่องมือประมวลผลภายในองค์กร เช่น Tensor Processing Unit (TPU) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการประมวลผลเชิงลึก
  4. ลักษณะการใช้งาน: ChatGPT ใช้สำหรับการสนทนากับบอทและสร้างเนื้อหา ส่วน Google ใช้สำหรับการค้นหาและการประมวลผลข้อมูลในกลุ่มใหญ่
  5. การเปิดเผย: ChatGPT เป็นโมเดลแบบ Open-source ที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ส่วน Google เป็นซอฟต์แวร์เพื่อใช้ภายในองค์กรเท่านั้นและไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนโดยตรง

บทสรุปของ ChatGPT

ChatGPT คือโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดย OpenAI เพื่อทำหน้าที่เป็น chatbot ที่สามารถสนทนากับมนุษย์ได้อย่างสมจริง โดย ChatGPT สามารถเรียนรู้และทำนายการตอบของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ โดยมีข้อดีคือสามารถปรับปรุงและพัฒนาโดยการเพิ่มขนาดของข้อมูลเข้าไปเพื่อเพิ่มความแม่นยำ และสามารถนำไปใช้ในหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น ธุรกิจ, การแพทย์, การศึกษา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ChatGPT ยังมีข้อเสียเช่นเดียวกับ AI ทั่วไปที่ต้องการข้อมูลมากเพื่อให้มีความแม่นยำสูง และอาจมีปัญหาในการจัดการความสามารถของ ChatGPT ในกรณีที่มนุษย์เริ่มคิดแตกต่างจากความคาดหมาย โดยสรุปแล้ว ChatGPT เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิถีการสื่อสารของมนุษย์ในอนาคต และสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายทั้งงานด้านเทคโนโลยี และธุรกิจ

และนี่คือความสามารถของ ChatGPT ค่ะ 90% บทความนี้เราได้ตั้งคำถามและให้ทาง ChatGPT เป็นผู้ให้ข้อมูล เนื้อหาที่ได้ค่อนข้างดีทีเดียว เราถามโดยใช้เป็นภาษาไทย คำตอบที่ได้ก็อ่านรู้เรื่อง เข้าใจได้ ถือว่าเป็น Chatbot ที่น่าสนใจมากๆ สามารถเอาไปปรับใช้ในการทำงาน หรือจะเอามาเป็นตัวช่วยให้กับธุรกิจก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ