15 สิ่งที่ต้องมีในเว็บไซต์ สำหรับมือใหม่สร้างเว็บ Personal Brand

เว็บ Personal Brand

เมื่อเรามีเว็บไซต์ของตัวเองที่เปรียบเสมือนหน้าร้านออนไลน์ เราก็ต้องติดตั้งส่วนประกอบอย่างอื่นเข้าไปด้วยอย่างเช่น ป้ายร้านหลอดไฟ นาฬิกา คอมพิวเตอร์ โต๊ะทำงาน เว็บไซต์ก็เช่นกัน มีแต่หน้าเว็บเปล่าๆมันก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เราเลยคัดเลือก 15 สิ่งที่ต้องมีในเว็บไซต์ สำหรับสร้าง Personal Brand มาให้เช็คกันดูว่าเรามีกันครบแล้วหรือยัง

15 สิ่งที่ต้องมีในเว็บไซต์ สำหรับสร้าง Personal Brand

1.โลโก้

สิ่งนี้ถือเป็นตัวแทนของแบรนด์เราเลยนะคะ เพราะมันจะไปปรากฏอยู่ตรง Header ที่ใช้สำหรับการ Back กลับมาที่หน้า Home ได้ และยังเป็นส่วนที่ช่วยให้คนจำชื่อแบรนด์ของเราได้ง่ายมากขึ้นด้วย

2. Tagline

เป็นข้อความสั้นๆที่กระชับและได้ใจความเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเรา ว่ามันคืออะไร คนที่เข้ามาเยี่ยมชมจะได้เข้าใจในทันทีว่ามันใช่สิ่งที่เค้าต้องการหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ของ Netsepia Tagline คือ We bring fantasy to fashion ส่วนของ Plaradise Tagline คือ เราจะช่วยคุณสร้างแบรนด์ตัวเองออนไลน์ด้วยเว็บไซต์

3.เมนูที่เข้าใจง่าย

ที่แถบเมนูบาร์ เราควรจัดให้เป็นระเบียบ และไม่ควรมีมากจนเกินไป เอาแค่หน้าหลักพอ ส่วนที่เหลือก็จัดให้มันอยู่เป็นหมวดหมู่ ที่สำคัญคือใช้คำตามที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน เช่น หน้าหลัก เรียกว่า Home เราก็ต้องใช้คำตามนี้ไป ไม่เช่นนั้นคนที่เข้ามาในเว็บของเราอาจจะงงได้

4.ไฟล์รูปขนาดเล็ก

เราควรย่อรูปที่จะใช้อัพลงบล็อกให้มีขนาดไม่เกิน 100 kb เพื่อประหยัดพื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์ของเรา และช่วยให้เว็บของเราโหลดได้เร็วขึ้น ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการใช้โปรแกรม Photoscape, บริการจากเว็บไซต์ tinypng หรือจะใช้โปรแกรม Photoshop แล้วเลือกเป็นแบบ Save for web ก็ช่วยลดขนาดไฟล์ให้เล็กลงได้เช่นกันค่ะ ข้อดีของ Photoshop คือ เราสามารถครอปภาพส่วนเกินออก และตั้งความละเอียดไฟล์ให้ต่ำลงได้ เพื่อย่อขนาดไฟล์ให้เหลือไม่ถึง 100 kb วิธีการคือ เปิดรูปที่ต้องการจะย่อไฟล์ เลือก File ไปที่ Export จากนั้นก็กดที่ Save for web

5.ชื่อไฟล์ภาพที่เป็นภาษาอังกฤษ

เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเวลาแสดงผลบนหน้าจอ ป้องกันการเกิดปัญหาด้วยการตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษาอังกฤษเอาไว้ตั้งแต่แรกจะดีกว่าค่ะ

6.ใส่ Alt Text ที่รูปภาพทุกครั้ง

ทุกครั้งที่เราอัพรูปขึ้นเว็บไซท์ WordPress ของเรา คิดว่าใส่แค่ Title ก็จบใช่มั้ยคะ อย่างที่เห็นกันว่ามันจะมีช่องให้ใส่ข้อมูลอีกหลายช่องเลย แต่ส่วนที่สำคัญก็คือช่อง Alt Text เพราะ Google เค้าตาบอด เค้าไม่สามารถเข้าใจว่าภาพนี้คืออะไร ถ้าเราไม่ใส่คำอธิบายลงไปที่ช่อง Alt Text นี้ เพราะฉะนั้น อย่าลืมกันนะคะ เมื่อเราใส่ Alt Text ที่ภาพของเราแล้ว มันจะไปปรากฏอยู่บนหน้า Image ของ Google ด้วย ช่วยให้คนมาเจอเว็บของเราได้ง่ายขึ้นอีก

สิ่งที่ต้องมีในเว็บไซต์4

7.อย่าอัพโหลดวิดีโอขึ้นเว็บไซต์โดยตรง

วิดีโอเป็นข้อมูลดิจิตอลประเภทหนึ่งที่กินปริมาณพื้นที่ในการดาวน์โหลดข้อมูลสูงมาก ทางแก้คือการอัพวิดีโอของเราขึ้นไปบนแพลทฟอร์มที่ใช้สำหรับดูวิดีโอโดยตรงอย่าง Youtube และ Vimeo จากนั้นก็นำลิ้งค์มาแปะ หรือจะเป็นการฝังโค้ดแบบ Embed ก็ได้ค่ะ

สิ่งที่ต้องมีบนเว็บไซต์3

8.ใช้รูปที่ไม่ติดลิขสิทธิ์

ในส่วนของหน้าเว็บต่างๆอย่างหน้าโฮม หรือหน้าสินค้าและบริการที่เราต้องการเสนอขาย ก็ต้องมีความสวยงาม ดึงดูดลูกค้าให้มาก ซึ่งการเลือกใช้ภาพประกอบก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน ดังนั้น การที่เราจะเสิร์ชกูเกิลแล้วเอารูปที่ปรากฏบนนั้นมาใช้เลย ก็ดูจะไม่เหมาะสมเพราะรูปเหล่านั้นมีเจ้าของนะคะ อาจจะโดนฟ้องร้องในภายหลังได้ เพราะฉะนั้นเราเลยแนะนำให้ใช้รูปฟรีจากเว็บไซต์เหล่านี้ดีกว่าค่ะ ปลารวบรวมมาให้แล้ว หรือในอีกกรณีก็อาจจะเลือกซื้อรูปมาเป็นของเราไปเลยก็ได้ค่ะ

สิ่งที่ต้องมีในเว็บไซต์2

9.ใส่หน้าที่หลักของตัวสินค้าหรือบริการ

อธิบายหน้าที่หลัก ข้อดีของตัวสินค้าและบริการของเราว่ามีประโยชน์อย่างไร ดีและแตกต่างจากแบรนด์อื่นในแง่ไหนบ้าง อย่างเช่นสินค้าเอ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีส่วนผสมที่เป็นแบบออร์แกนิคช่วยลดการระคายเคือง ถ้าเป็นแนวของการให้บริการ เราก็ดึงคุณสมบัติหลักๆที่เรามีเช่น การบอกประสบการณ์การทำงานว่าเคยทำอะไร ที่ไหนมาบ้าง มีภาพผลงานประกอบ เพื่อช่วยให้คนที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเราเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่เราทำได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ต้องมีบนเว็บไซต์5

10.ถ้าไม่อยากโดนสแปมให้ปิดช่องคอมเม้นต์ไปเลย

เวลาทำเว็บไซต์เราก็ต้องมีส่วนของบล็อกที่เอาไว้ทำ Content Marketing ให้ความรู้ลูกค้าและช่วยให้ติดอยู่บนกูเกิล ซึ่งส่วนใหญ่เทมเพลทที่เค้าให้ไว้ก็จะมีตรงส่วนที่ให้คอมเม้น ซึ่งบ่อยครั้งมักจะมีพวกสแปมเข้ามาเม้นกันเยอะๆ จนทำให้เว็บหนักมากและแฮ้งค์ไปเลยได้ เราสามารถป้องกันสแปมด่านแรกด้วยการเข้าไปแก้ไขจากหน้าโพสต์ แล้วเอาเครื่องหมายติ๊กถูกออกจากคำว่า Allow Comments แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ

สิ่งที่ต้องมีในเว็บไซต์3

11.ใส่ปุ่มโซเชี่ยลทุกที่

ทั้งที่ Header, Footer, Sidebar เพื่อให้คนมาติดตามเราได้ง่ายขึ้นและเยอะขึ้น ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยการใช้ฟังก์ชั่นที่มีมากับ Theme แต่ถ้าไม่มีก็ต้องติดตั้งปลั๊กอินเพิ่ม

12.ช่องทางการติดต่อ

ใส่ไว้ที่ Footer เพราะข้อมูลของเราจะปรากฏอยู่ทุกหน้าเสมอ และต้องใส่ข้อมูลในหน้า Contact ที่ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้าติดต่อเราได้ง่ายขึ้นนะคะ

13.สร้างคอนเท้นท์คุณภาพ

บทความหรือคอนเท้นท์ที่มีคุณภาพเป็นสิ่งจำเป็นมากๆบนเว็บไซต์ เพราะเป็นตัวที่ช่วยเรียกทราฟฟิคจากการเสิร์ชหาคำที่ลูกค้าต้องการบนกูเกิล ให้ลูกค้าจำนวนมากเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา เมื่อเค้าได้อ่านคอนเท้นท์ที่เราพิถีพิถัน สร้างมันขึ้นมาแล้วมีประโยชน์กับตัวเค้าเอง ลูกค้าก็จะค่อยๆเชื่อและไว้ใจในสินค้าและบริการของเรา ยิ่งเนื้อหาที่เราทำมีคุณค่าและมีจำนวนมากขึ้นเท่าไหร่ ลูกค้าก็จะไว้ใจเราได้มากขึ้นเช่นกัน

14.ใช้ตัวหนังสือที่อ่านง่าย

การเลือกใช้ฟ้อนต์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนอยากเข้ามาอ่านคอนเท้นต์ของเรา และสามารถอ่านได้ง่ายขึ้น ใช้เวลายาวนานบนเว็บเรามากขึ้น ส่วนที่เป็นหัวข้อหรือ Header แนะนำให้ใช้ Prompt ส่วนตัวเนื้อหาแนะนำฟ้อนต์ที่มีหัว อย่างเช่น Trirong ทั้งสองฟ้อนต์นี้สามารถนำไปใช้ได้เลยเพราะเป็นฟ้อนต์มาตรฐานที่อยู่ในกูเกิลฟ้อนต์ค่ะ สำหรับคนที่สนใจอยากใช้ฟ้อนต์ไทยแบบอื่นดูบ้าง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการใช้ฟ้อนต์ได้ที่นี่เลยค่ะ

15.ใส่ Call to action

ที่ต้องใส่ Call to action หรือการเรียกร้องให้คนที่ผ่านมาที่เว็บไซต์ของเราทำอะไรสักอย่าง เช่น “อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์” การเรียกร้องให้เกิดการซื้อขาย เช่น “สนใจสินค้านี้ ทักมาได้ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ” หรือจะเป็น “สนใจการสร้างแบรนด์ตัวเองออนไลน์ คลิก” ซึ่งข้อความเหล่านี้เราสามารถใส่ที่หน้าสินค้าและบริการ และหน้าบทความมีประโยชน์ที่เราเขียนไว้ให้คุณลูกค้าผู้น่ารักของเราอ่านและเกิดแอคชั่นก็ได้ค่ะ

สรุป

ทั้งหมดที่เล่ามานี้คือ15 สิ่งที่ต้องมีในเว็บไซต์ สำหรับสร้าง Personal Brand ซึ่งข้อมูลนี้ผ่านการใช้งานจริงมาแล้วจึงเอามาส่งต่อให้เพื่อนๆได้เอาไปใช้ประโยชน์กันค่ะ ส่วนประกอบสำคัญในหน้าเว็บเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถมีเว็บไซต์ของตัวเองที่มีคุณภาพ เตรียมความพร้อมกับการใช้งานและช่วยพัฒนาให้เว็บของเราโตขึ้น มีปริมาณผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเพิ่มขึ้นและสามารถปิดการขายได้ดีมากขึ้นค่ะ

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Pinterest

 

ถ้าเพื่อนๆชอบบทความนี้ก็กดไลค์ กดแชร์ให้ด้วยนะคะ

สนใจสร้างเว็บไซต์ Personal Brand ตามมาที่นี่ได้เลยค่ะ