จะเริ่มต้นทำธุรกิจทั้งที หลายคนคิดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อจะผลิตสินค้าและจ้างพนักงานเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ แต่แนวคิดจากหนังสือเล่ม ใช้เงินน้อยกว่าแต่รวยก่อน หรือ The $100 Startup จะทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไป เพราะปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การทำธุรกิจนั้นง่ายขึ้นและใช้เงินทุนน้อยลง ซึ่งเหมาะมากกับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแต่ไม่มีเงินทุนเยอะ มีเพียงแค่ $100 หรือ ประมาณ 3,000 บาท ก็สามารถมีธุรกิจที่ทำกำไรให้ตัวเองได้แล้ว
เนื้อหาในเล่มนี้ดีเว่อร์มาก เค้าบอกถึงวิธีทำ Business ที่ตรงประเด็นสุด บอกเป็นบลูปริ๊นท์เลย บางประโยคก็กระแทกใจมากๆ อย่างเช่นว่า ไม่ต้องสอนเค้าหาปลา แต่ให้ยื่นปลาชิ้นนั้นไปเลย กับการเปรียบเทียบสินค้าว่าให้ทำเหมือนการยื่นส้มให้นักวิ่ง เค้าจะไม่ถามซักคำและรีบหยิบไปกินในทันที เพราะมันคือสิ่งที่เค้าต้องการ เดี๋ยวนี้
พาร์ทการหาลูกค้า ตรงส่วนนี้ดีมากเลย ช่วยให้วิเคราะห์ลูกค้าเชิงลึกได้มากกว่าคำว่า “ให้หาลูกค้าให้เจอ” แต่เค้ามีแบบประเมินให้เราเอาไปวิเคราะห์ดู และสามารถทำเป็นแบบสอบถามกับกลุ่มลูกค้าในอนาคตว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ชอบแนวคิดไหนบ้าง และที่สำคัญคือ จะซื้อสินค้านี้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เราประเมินสถานการณ์ได้ง่ายขึ้นว่าเป็นไปได้หรือไม่ และช่วยประหยัดเวลาในการคลำทางเพื่อหาลูกค้าให้เจอด้วย
เนื้อหาในหนังสือนั้นนอกจากจะมีแนวคิด หลักการต่างๆในการสร้างธุรกิจขนาดย่อมแล้ว ยังมีการยกกรณีศึกษาจากข้อมูลจริงที่ผู้เขียนได้รวบรวมมาด้วย ทำให้เข้าใจและเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น และยังสามารถนำไปต่อยอดให้เป็นในแบบของตัวเองได้
จากตรงนี้ไปขอทำเป็นแบบ Shortnote ที่สรุปเนื้อหาในหนังสือ ใช้เงินน้อยกว่าแต่รวยก่อน เอาไว้เตรียมลงสนามธุรกิจจริงเลยละกันนะคะ จะได้เอาหลักการไปใช้ได้ง่ายๆ
โครงสร้างหลักของหนังสือ ใช้เงินน้อยกว่าแต่รวยก่อน แบ่งเป็น 3 ตอน คือ
1.จู่ๆก็กลายเป็นเจ้าของธุรกิจ
หัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้ คือ การสร้างธุรกิจจากเงินไม่ถึง $100 เป็นต้นทุนที่ต่ำมาก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือใช้คนไม่เกิน 5 คน ซึ่งจะช่วยในแง่ของอิสรภาพในชีวิต
สิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจมีแค่ 3 อย่าง
- ผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- กลุ่มคนที่จะจ่ายเงิน
- วิธีชำระเงิน
ซึ่งถ้าขาดปัจจัยใดไป ธุรกิจก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
แนวคิดในการหาไอเดียทำธุรกิจ
- วิธีที่ยากในการสร้างธุรกิจ คือ การคลำทางไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าแนวคิดนั้นจะโดนใจลูกค้าหรือไม่
- วิธีที่ง่ายกว่า คือ การหาคำตอบว่าผู้คนต้องการอะไร และหาทางมอบมันให้พวกเขา
จากข้อความตรงนี้ทำให้เห็นว่าการทำธุรกิจก็คือ ความน่าจะเป็นรูปแบบหนึ่ง ที่มีทั้งขายได้และไม่ได้ ถ้าหากเรารู้ว่ามีลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการที่เรากำลังจะทำแน่ๆแล้ว ก็ย่อมทำให้ธุรกิจไปต่อได้
เมื่อมีความคิดทางธุรกิจขึ้นมาให้คิดถึงเรื่องเงินด้วย
- แนวคิดนี้จะทำเงินให้ฉันได้อย่างไร
- แนวคิดนี้จะทำเงินให้ฉันได้เท่าไหร่
- มีหนทางที่ทำให้ฉันได้เงินมากกว่าหนึ่งครั้งหรือไม่
สิ่งสำคัญที่จะต้องมีในการทำธุรกิจทุกชนิดนั่นคือ “คุณค่า” ซึ่งหมายถึง การช่วยเหลือคนอื่น ยิ่งธุรกิจให้ความสำคัญกับคุณค่าเท่าไหร่ ลูกค้าจะยิ่งรู้สึกโดนใจและยอมควักเงินมากเท่านั้น
กลยุทธ์ในการหาคุณค่า
- ขุดให้ลึกยิ่งขึ้นเพื่อหาความต้องการที่ซ่อนอยู่
- ทำให้ลูกค้ากลายเป็นวีรบุรุษ เป็นผู้เชี่ยวชาญและดูดีในสายตาคนอื่น
- ขายสิ่งที่คนจะซื้อ เสาะหาสิ่งที่คนต้องการจริงๆ
คนส่วนใหญ่ต้องการบางสิ่งมากขึ้น (เงิน ความรัก ความสนใจ) และอยากได้บางสิ่งน้อยลง (ความเครียด ความกังวล หนี้สิน) ถ้าเรามุ่งเน้นไปยังสิ่งที่คุณสามารถเพิ่มหรือลดได้เพื่อให้ชีวิตของใครสักคนดีขึ้น จะทำให้สินค้านั้นเป็นที่ต้องการ
ทำเงินจากสิ่งที่คุณรัก
การสร้างธุรกิจจาก (ความหลงใหล+ทักษะ) ให้สัมพันธ์กับ (ปัญหา+ตลาด) = โอกาส
คุณสามารถสร้างธุรกิจให้คำปรึกษาแบบเฉพาะทางขึ้นมาได้ภายในหนึ่งวัน และอย่าลืมว่ายิ่งสิ่งที่คุณให้คำปรึกษาเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ยุคเฟื่องฟูของเจ้าของธุรกิจที่ไม่มีหลักแหล่ง
การทำธุรกิจโดยไม่ยึดติดกับสถานที่ ซึ่งโมเดลธุรกิจที่เค้าแนะนำคือธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นการตีพิมพ์หนังสือของตัวเอง การทำอีบุ๊คส์ การทำสื่อดิจิตอลที่ผู้ซื้อสามารถดาวน์โหลดได้ ยังมีอีกหลายแนวทางที่สามารถทำงานแบบไม่ยึดติดกับสถานที่ ตามมาดูได้ที่นี่
หาคำตอบว่าอะไรคือจุดร่วมระหว่างสิ่งที่คุณรักกับสิ่งที่คนอื่นยินดีจ่ายเงินซื้อ
การแบ่งลักษณะประชากรแบบใหม่
- แต่ก่อนเราแบ่งกลุ่มลูกค้าตามลักษณะประชากร อายุ ที่อยู่อาศัย เพศ เชื้อชาติ ชาติพันธ์ุ รายได้
- แต่ปัจจุบัน เราจะแบ่งลูกค้าตาม ความสนใจ ความหลงใหล ทักษะ ความเชื่อ ค่านิยม
ซึ่งไม่มีการจำกัดว่าต้องอายุเท่านี้ เพศนี้ เพียงแค่นั้น คนอายุ 50 ก็สามารถสนใจกิจกรรม และมีความชอบแบบเดียวกันกับที่คนอายุ 25 มีก็เป็นได้
รายการความเป็นไปได้และตารางช่วยตัดสินใจ
- แนวคิดนี้จะสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จับต้องได้ขึ้นมาใช่หรือไม่
- คุณรู้จักใครสักคนที่อยากจะซื้อมันใช่หรือไม่ (หรือรู้ใช่ไหมว่าจะไปหาคนเหล่านั้นได้จากที่ไหน)
- คุณมีวิธีชำระเงินใช่หรือไม่
ใช้ตารางช่วยตัดสินใจในหน้า 123 เวลาที่ต้องเปรียบเทียบแนวคิดต่างๆว่าแบบไหนจะเวิร์คสุด
2.ทดสอบตลาด
แผนธุรกิจในหนึ่งหน้ากระดาษ
เวลาเริ่มทำธุรกิจ เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะขายได้หรือไม่ แต่สิ่งที่ควรทำคือการลงมือทำให้เร็วที่สุดและอย่าลงทุนมากนัก ในหนังสือมี 7 ขั้นตอนในการทดสอบตลาดให้ดู ไปตามอ่านกันนะ หน้า 134
- ลงทุนให้น้อยเข้าไว้
- หาลูกค้ารายแรกให้เร็วที่สุด เพราะมันจะช่วยให้คุณมีกำลังใจและสามารถไปต่อได้
- ทดสอบตลาดก่อนจะผลิตสินค้า วิธีที่สามารถช่วยได้คือการใช้แบบสอบถาม หรือใช้วิธีการเขียนโฆษณาลงในสื่อสักแห่ง เมื่อมีคนซื้อค่อยลงมือผลิตสินค้า
- ตอบสนองต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น อย่างเช่น การสานสัมพันธ์กับลูกค้า และการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของตัวเองให้สอดคล้องกับยอดขายที่มากขึ้น
แผนธุรกิจในหนึ่งหน้ากระดาษ ที่จะทำให้คุณสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาให้ได้เร็วขึ้น และตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น ไปตามอ่านในหน้า 140
สร้างธุรกิจที่ช่วยเหลือคนอื่นได้ ลองสร้างข้อความพันธกิจสั้นๆที่เป็นการกำหนดแนวคิดทางธุรกิจ เพราะการเน้นที่คุณประโยชน์ย่อมดีกว่าการพูดถึงคุณสบัติ และช่วยให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของธุรกิจในแง่มุมที่เกี่ยวกับลูกค้า
ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้
- ทำความเข้าใจว่าสิ่งที่คนเราต้องการ กับสิ่งที่คนเราบอกว่าต้องการอาจไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป
- คนส่วนใหญ่ชอบซื้อ แต่มักไม่ชอบเวลามีคนมาเสนอขาย ข้อเสนอที่ดึงดูดใจมักทำให้รู้สึกว่าคุณซื้อตามคำเชื้อเชิญ
- ลองสะกิดเบาๆ ข้อเสนอที่ดีที่สุดจะทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกว่า ฉันต้องซื้อไอ้นี่ เดี๋ยวนี้
เครื่องมือในการคิดข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ
- คำถามที่พบบ่อย หรืออีกแง่คือการกำจัดเสียงต่อต้าน เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความกังวลของลูกค้า
- คำรับประกันที่ฟังดูเหลือเชื่อ
- การให้มากกว่าที่คาดหวัง
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์
ต้องมีกลยุทธ์ซึ่งก็คือการเล่าเรื่องและกลวิธีที่หมายถึง จังหวะ เวลา และการนำเสนอแบบพิเศษ ให้ข้อมูลกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องก่อนการเปิดตัว มีคำแนะนำในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 39 ข้อ ในหน้า 189
เล่าเรื่องราวดีๆ และพิจารณาถึงคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกเร่งด่วนที่ว่า ทำไมผู้คนต้องสนใจข้อเสนอของคุณในตอนนี้
การป่าวประกาศ
ความสามารถในการโฆษณาอย่างจริงใจและไม่ใช้วิธีสกปรกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กประสบความสำเร็จ
- ใช้คำพูดดีแต่ผลงานไม่ดี เท่ากับ ดังวูบเดียว
- ผลงานดีแต่ใช้คำพูดไม่เป็น เท่ากับ ไม่เป็นที่รู้จัก
- ใช้คำพูดดี ผลงานดี เท่ากับ มีอิทธิพล
สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการใช้เวลาทำผลงานที่ควรค่าแก่การพูดถึงและอย่าทำตัวเป็นนักต้มตุ๋น จากนั้นค่อยขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่คุณรู้จัก
การป่าวประกาศเกี่ยวกับธุรกิจ ก็เหมือนการเขียนหนังสือ ก่อนลงมือทำคุณต้องคิดก่อนว่าจะบอกอะไรกับผู้คน ข้อความของคุณคืออะไร ทำไมถึงเป็นเรื่องสำคัญในตอนนี้ และทำไมคนอื่นถึงต้องอยากรู้เรื่องนี้ด้วย
ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลาพัฒนาธุรกิจของคุณอย่างไร ให้ใช้เวลา 50 เปอเซ็นต์ไปกับการสร้างผลงาน และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ไปกับการสร้างความสัมพันธ์กับคนรู้จัก
ถ้าคุณสร้างธุรกิจขึ้นมา มันก็อาจประสบความสำเร็จ แต่คุณต้องบอกให้ลูกค้ารู้ด้วยว่าคุณกำลังสร้างอะไรอยู่ และจะไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร
จงใช้เงินไปกับสิ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายเท่านั้น
หลักการสองข้อที่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ข้อแรกคือ ธุรกิจควรพุ่งเป้าไปที่การทำกำไรเสมอ ข้อสองคือการกู้ยืมเงินหรือลงทุนเป็นเงินก้อนโตเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย
หาเงินให้มากขึ้น
- ตั้งราคาตามคุณประโยชน์ ไม่ใช่ต้นทุน ให้ลองถามตัวเองว่า แนวคิดนี้ช่วยทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นได้อย่างไร และมันมีค่าต่อพวกเขามากแค่ไหน
- จำกัดช่วงราคา อย่าตั้งราคาไว้หลายระดับจนทำให้ลูกค้าสับสน แต่ให้มากพอที่จะทำให้พวกเขาค้นพบตัวเลือกที่เหมาะสม
- เสาะหาวิธีที่จะทำให้ลูกค้าหนึ่งคนจ่ายเงินให้คุณมากกว่าหนึ่งครั้ง อย่าให้ลูกค้าจ่ายเงินคุณแค่ครั้งเดียว คุณควรกำหนดวันจ่ายเงินและให้ลูกค้าเก่าๆจ่ายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป โมเดลการเรียกเก็บเงินซ้ำๆมักทำเงินให้คุณมากกว่าการขายขาดแค่ครั้งเดียว ที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือ หลังจากคุณโน้มน้าวให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินซ้ำๆได้แล้ว พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆจากคุณมากขึ้นด้วย ข้อสำคัญที่ลืมไม่ได้คือ ต้องฏิบัติต่อลูกค้าทุกคน อย่างดีที่สุด
3.สร้างข้อได้เปรียบและก้าวต่อไป
สร้างความสำเร็จด้วยการเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่มีอยู่เดิม
- ข้อแรก คือ แรงส่ง
- ข้อสอง การใส่ใจธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
- ข้อสาม การสร้างการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แบบภาพรวม ทำได้ด้วยการ
- เพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชม
- เพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้า ทำได้ด้วยการคิดคำโฆษณา หรือข้อเสนอ ขึ้นมาสองแบบ แล้วดูว่าแบบไหนได้ผลมากกว่ากัน และอย่าลืมให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของผู้เยี่ยมชม
- เพิ่มยอดขายโดยเฉลี่ย ด้วยการใช้วิธีกระตุ้นให้ลูกค้าใช้เงินมากขึ้น การขายพ่วง การลดราคาสินค้า
- ขายให้ลูกค้าเก่ามากขึ้น ลูกค้าเก่ามีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการลดราคา รายการส่งเสริมการขายหรือข้อเสนอเพิ่มเติมเป็นอย่างดี
การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แบบรายละเอียดทั้งหมด
- สร้างทำเนียบลูกค้า เปิดโอกาสให้พวกเขาเล่าว่าธุรกิจของคุณช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร
- กระตุ้นให้ลูกค้าใช้เงินมากขึ้น มอบข้อเสนอดีๆที่จะทำให้ลูกค้าใช้เงินมากขึ้น ถ้าคุณใช้วิธีขายสินค้าออนไลน์ เครื่องมือยอดเยี่ยมที่สุดที่ช่วยกระตุ้นลูกค้าให้ใช้เงินมากขึ้นคือ หน้ายืนยันการสั่งซื้อ หลังจากที่ลูกค้ากดซื้อไปแล้ว
- กระตุ้นการบอกต่อ คุณสามารถขอให้ลูกค้าส่งต่อข้อเสนอนี้ไปให้เพื่อน ได้ เพื่อเป็นการกระจายข่าว
- จัดการแข่งขัน อย่างเช่นการแจกของ
- เสนอการรับประกันที่ทรงพลังที่สุด หรือไม่ก็ไม่รับประกันเลย
วิธีขยายธุรกิจ
- การขยายธุรกิจในแนวนอน คือ การขยายธุรกิจให้กว้างขึ้นด้วยการให้บริการลูกค้าจำนวนมากกว่าเดิม
- การขยายธุรกิจในแนวตั้ง คือ การขยายธุรกิจแบบลงลึก โดยให้บริการลูกค้าเก่าที่มีระดับความต้องการที่แตกต่างกันไป
วิธีการสร้างแฟรนไชส์ของตัวเอง
- คุณสามารถใช้ประโยชน์จากทักษะและรายชื่อผู้ติดต่อที่คุณมีในการขยายธุรกิจไปยังสถานที่หลายๆแห่งในเวลาเดียวกัน กลยุทธ์ที่ใช้ได้มีทั้งการจ้างคนนอก การหาตัวแทนโฆษณา และการหาหุ้นส่วน
- ใช้โมเดลระบบกระจายสินค้าเพื่อสร้างฐานที่มั่นบนอินเตอร์เน็ต พร้อมกับสร้างด่านนอกเพื่อขยายธุรกิจของคุณออกไปในวงกว้าง
- เลือกหุ้นส่วนอย่างระมัดระวังและมีข้อตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ดูที่หน้า 283
อยู่ยาว
- เส้นทางสู่อิสรภาพมีมากกว่าหนึ่งเส้นทาง
- การตัดสินใจขยายธุรกิจหรือคงขนาดที่เล็กไว้ล้วนเป็นการตัดสินใจที่ดี หรือคุณจะใช้การเดินทางสายกลางดูก็ได้
- พัฒนา ธุรกิจโดยแบ่งเวลาส่วนหนึ่งในแต่ละวันมาพัฒนาธุรกิจ ไม่ใช่คอยจัดการและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
- ตรวจสอบสถานการณ์อยู่สม่ำเสมอ
- ธุรกิจที่ขยายตัวได้ต้องเป็นสิ่งที่สอนกันได้และทรงคุณค่า ถ้าอยากขายกิจการ คุณจะต้องสร้างทีมและทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อไปได้ในมือเจ้าของใหม่
ตอนท้ายในหนังสือพูดถึงความล้มเหลวที่มีคนมาเล่าให้เค้าฟัง บางธุรกิจก็ไม่ได้ดีมาตั้งแต่เริ่ม มีความล้มเหลวเกิดขึ้นบ้างแต่คุณก็สามารถเรียนรู้จากความล้มเหลวครั้งนั้นได้ ซึ่งในความจริงถ้าคุณได้ลงมือทำมันอาจจะประสบความสำเร็จไปเลยก็ได้ ใครจะรู้ ศัตรูที่อันตรายกว่าคู่แข่งหรือปัจจัยภายนอกอื่นๆคือ ความกลัวและความเฉื่อยชาของตัวคุณเอง แต่คุณก็สามารถจัดการมันได้ และบทเรียนที่สำคัญที่สุดในหนังสือเล่มนี้คือ อย่าเสียเวลาไปกับการใช้ชีวิตตามคนอื่น
สรุป
ข้อมูลในหนังสือ ใช้เงินน้อยกว่าแต่รวยก่อน เหมาะสุดๆสำหรับคนที่อยากสร้างเส้นทางใหม่ให้ตัวเอง จะทำเป็นงานหลักหรืองานเสริมก็ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นแบบออนไลน์ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ว่าต้องขายครีมหรือขายสินค้าทั่วไป แต่เค้าเน้นไปที่การสร้างธุรกิจจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วอย่างทักษะ และความสามารถ ธุรกิจที่ผลิตออกมาก็เป็นได้ทั้งการให้บริการ สินค้าประเภทอีบุ๊ค หนังสือ และคอร์สเรียน ซึ่งสินค้าประเภทนี้ล่ะ ที่ใช้เงินลงทุนต่ำแต่ผลตอบแทนสูง และสามารถเป็นอิสระในแง่ของการใช้สถานที่ประกอบธุรกิจด้วย
โดยรวมแล้วหนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกได้ดีทีเดียว แต่มุมมองในการทำธุรกิจที่มีในเล่มนี้นั้น เป็นไปในเชิงบวกซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น A สร้างธุรกิจขึ้นมา และสามารถทำเงินได้เยอะมากภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน ซึ่งในความเป็นจริงของธุรกิจนั้นต้องใช้ทั้งประสบการณ์ เวลาและความอดทนพอสมควรกว่าที่จะสร้างผลกำไรและทำให้มันให้ดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ ถ้าไม่เก๋าเกมส์จริงๆ หรือไม่พยายามให้มากพอเรื่องแบบนั้นคงเกิดขึ้นได้ยาก
ถ้าใครกำลังทำธุรกิจอยู่และอยากต่อยอดให้ธุรกิจเติบโต ก็ต้องขอฝากหนังสือเล่มนี้ไว้ในใจด้วย เพราะวิธีการที่เค้าแนะนำไว้สามารถนำไปใช้ได้ตั้งแต่เพิ่งเริ่ม ยังไม่มีไอเดียว่าจะทำอะไร ไปจนถึงการขยายธุรกิจให้เติบโตในหลายรูปแบบ และยังทำให้เห็นว่าตัวธุรกิจที่ทำอยู่นั้นมีข้อบกพร่องตรงไหน จะได้แก้ไขได้ตรงจุด และพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนที่หายไปได้ สนใจหนังสือซื้อได้ที่นี่เลย เห็นว่าดีเลยมาแนะนำนะคะ
สุดท้ายนี้ก็อยากให้ทุกคนลงมือทำตามสิ่งที่คิดฝันเอาไว้ สิ่งสำคัญที่มากกว่าสิ่งอื่นใดคือการได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และการลงมือทำ เพราะถ้าเราไม่เริ่มทำเราก็จะไม่มีวันเข้าใจเลยว่าความสำเร็จนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร
Plaradise รับทำเว็บไซต์ WordPress โดยนักออกแบบมืออาชีพ